
สัมภาษณ์คุณลุงวินิจ กำกัดวงษ์ สถานที่พิพิธภัณฑ์สัตย์อุดม วันที่ 19 มีนาคม 2563
เมื่อพูดถึงคนดังในสมัย 70-80 ปีที่แล้ว
ในสมัยนั้นคงไม่มีใครไม่รู้จัก “ขุนศรีอุทัยเขต” หรือ “ขุนศรีโป๊ง”
นักธุรกิจชื่อดังที่ทำให้ระยองเจริญมาถึงทุกวันนี้
วันนี้เราจะมาพูดคุยกับคุณลุงวินิจ กำกัดวงษ์ ซึ่งเป็นหลานของขุนศรีอุทัยเขต (ขุนศรีโป๊ง)
และเขายังเป็นเจ้าของ “ผัดไทชายคลอง” ร้านอาหารชื่อดังในระยองอีกด้วย
ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับขุนศรีโป๊งให้เราฟังหน่อย
ความฉลาดของก๋งมีมากมายหลายเรื่อง แต่มีหนึ่งเรื่องที่ผมประทับใจและขำกับความฉลาดของก๋ง
คือสมัยนั้นไม่มีทางรถยนต์ต้องใช้เรือใบในการเดินทาง ที่บ้านผมทำอู่ต่อเรือ
แม่เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนระยองไม่มีเกลือ ก๋งก็เอาเรือใบที่บ้านไปบรรทุกเกลือจากนาเกลือ ล่องไปทางบ้านค่าย บ้านเก่า ชาวบ้านส่วนใหญ่แถวนั้นทำนา ก๋งก็เอาเกลือ 1 ถัง ไปแลกข้าวเปลือกได้ 3 ถัง ได้ข้าวเปลือกมาเยอะมาก จนต้องสร้างโรงสีให้แม่ผมเป็นคนดูแล ซึ่งเป็นโรงสีข้าวแห่งแรกในจังหวัดระยองด้วย
คุณลุงเกิดทันได้เห็นโรงสีไหม ตั้งอยู่ที่ไหนและมีลักษณะเป็นอย่างไร
เกิดทัน ผมยังเคยไปวิ่งเล่นอยู่ในโรงสีจนโดนดุเพราะกลัวว่าจะไปชนอะไรเข้า
โรงสีตั้งอยู่บริเวณเดียวกับร้านผัดไทยชายคลองในปัจจุบัน เครื่องสีข้าวมีขนาดใหญ่ คล้ายๆเครื่องดีเซน มีเสียงฉึกฉักๆ สีได้เกือบสิบเกวียนต่อวัน
เอาข้าวที่สีได้ไปขายต่อใช่ไหม
เราไม่ได้ตั้งเป็นร้านค้า แต่ใครจะมาซื้อก็ให้ซื้อ
ส่วนมากก็ให้เขา แม่เป็นคนใจบุญก็เอาไปแจกชาวบ้านบ้างอะไรบ้าง คนถึงเรียกว่า “เจ๊นะใจดี”
และแม่มีลูก 18 คน แต่ละคนก็มีแม่นมคอยเลี้ยงดู จึงให้ข้าวสารแม่นมเอาไปเลี้ยงลูกด้วย
โรงสีของขุนศรีโป๊งตั้งอยู่กี่ปี
เท่าที่จำความได้ไม่ต่ำกว่า 20 ปี
เมื่อสีข้าวเสร็จคาดว่าจะมีแกรบเยอะมาก ได้นำเอาแกรบพวกนี้ไปทำอะไรต่อหรือไม่
ที่บ้านทำอู่ต่อเรือ มีคนงานต่อเรือประมาณ 20-30 คน ก็เอาแกรบมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับหุงข้าวโดยใช้กระทะใหญ่ๆ 3 กระทะ ผมยังคิดในใจว่าแม่ฉลาดเหลือเกิน เอาแกรบมาทำเป็นเชื้อเพลิงไม่ต้องเสียเงินซื้อ ไฟลุกดีด้วย
ไปเรื่องของอู่ต่อเรือ เรือที่ต่อเป็นเรืออะไร และคนที่เป็นลูกมือในการต่อเรือเอามาจากไหน
เรือใบลำใหญ่ใช้ขนสินค้าอะไรแบบนั้น ชาวบ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นช่างไม้ทั้งนั้น ลูกมือก็เอามาจากแถวบ้านค่าย บ้านเก่า บางคนก็อยู่แถวนี้
ไม้ที่ใช้ต่อเรือเอามาจากไหน เอามายังไง
เอามาจากบ้านค่าย เมื่อก่อนบ้านค่ายมีไม้เยอะมาก พวกไม้ตะเคียน ไม้ตะแบกมีเยอะมาก
ก็ล่องตามน้ำมาเลย ใช้แพทำจากไม้ไผ่รองไม้เพื่อกันไม่ให้ไม้จม บ้านที่ผมอยู่ก็เป็นไม้ตะแบกกับไม้ตะเคียนทั้งหลัง ซึ่งเหลือหลังเดียวในระยองที่ไม่ใช้ตะปู ใช้ไม้ทำเป็นเดือยแทนตะปู
เขาบอกว่าเรือที่นี่มีส่วนร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยใช่ไหม
อันนี้ผมไม่แน่ใจ อาจจะแค่ช่วยส่งเสบียงอาหารไปให้กองทัพ
ขุนศรีโป๊งมีธุรกิจโรงหนังด้วยใช่หรือไม่
เท่าที่เก็บข้อมูลมาบางคนเรียก “วิกศรีอุดม” บางคนเรียก “ลิเกยายเน้ย”
สรุปมันคือยังไง
ไม่มีโรงหนัง มีแต่โรงลิเกกับโรงละคร ก๋งให้ยายเป็นคนดูแล ยายชื่อยายเน้ยเขาจึงเรียกกันแบบนั้น ยายเน้ยเป็นลูกกำนันคนแรกของจังหวัด คือกำนันแย้ม อยู่ปากน้ำ
ลิเกเอามาจากไหน
แล้วแต่ว่าใครจะติดต่อมา มาครั้งนึงก็อยู่ยาวเป็นเดือน เพราะการเดินทางในตอนนั้นลำบาก มาเรือบ้าง เดินมาบ้าง
คณะดังๆในสมัยก่อน เช่น “คณะคุณหนู”
มีนักแสดงนำคือ “ดอกดิน” ก็เคยมาเล่นที่นี่
อาจารย์วีณาเคยเล่าให้ฟังว่า “เพชรา เชาวราษฎร์” นักแสดงชื่อดังในสมัยก่อนเคยมานั่งขายข้าวหลามอยู่ที่หน้าโรงลิเก
เคยมา ผมกับเขาเป็นเพื่อนกัน หมู่บ้านเขาเผาข้าวหลามขาย เขาก็เอามาขายที่นี่ จริงๆเขาขายทุกอย่างที่เป็นเงินได้ ไม่ใช่แค่ข้าวหลามอย่างเดียว หน้าผลไม้ก็เอาผลไม้เอาอะไรมาขาย
เขาบอกว่าขุนศรีโป๊งมีรถยนต์คันแรกๆของเมืองระยอง
ใช่แล้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นยี่ห้อออสตาตินหรืออะไร ไม่ใช่รถใหญ่นะ
นั่งได้ 3-4 คน สมัยก่อนใครมีรถก็เท่ที่สุดแล้ว
สมัยก่อนหน่วยงานราชการหรือเวลาผู้หลักผู้ใหญ่มา
ผู้ว่าฯ ก็จะมาขอใช้รถเพื่อไปรับแขก
ตอนที่เริ่มทำถนนสุขุมวิท สร้างศาลากลาง ฯลฯ
เขาบอกว่าขุนศรีโป๊งเป็นผู้รับเหมา
ถนนเมื่อก่อนเป็นดินทรายแล้วก็เอาลูกรังลงก่อน ช่วงนี้ผมพอทันแล้ว
แต่ว่าตอนเขาไปทำถนนผมไม่ได้ไปดูเขา เพราะยังเด็ก
แต่เท่าที่รู้คือถนนสุขุมวิทไม่ได้เหมาทั้งหมด เหมาเป็นช่วงเป็นตอน
เขตเมืองชลคนอื่นก็เอาไป เขตระยองก๋งเอาเพราะระยองไม่มีตัวสู้
ตอนนั้นก๋งดังตั้งแต่ระยองยันจันทบุรีเลย
ในสมัยนั้นแทนที่เขาจะต้องไปหาเจ้าเมือง
แต่เจ้าเมืองกลับต้องมานั่งคุยที่บ้านก๋งหลังนี้แทน
ก๋งทำให้ระยองเจริญ เจ้าเมืองก็ชอบ
คุณลุงช่วยเล่าเรื่องของขุนศรีโป๊งให้ฟังหน่อย เรื่องอะไรก็ได้ที่คุณลุงประทับใจในตัวคุณตา หรือท่านมีธุรกิจอะไรอีก ทำอะไรบ้าง
เขาเป็นคนจันทบุรีมาแต่งงานกับยายผม และมาปลูกบ้านอยู่ที่นี้
มีลูกทั้งหมด 5 คน แม่ผมเป็นลูกสาวคนแรก
บ้านหลังนี้ (พิพิธภัณฑ์สัตย์อุดม) ตกเป็นของลูกชายคนเล็กก็คือน้าพร น้าพรยกให้มูลนิธิจึงเป็นพิพิธภัณฑ์สัตย์อุดมในปัจจุบัน
ขุนศรีโป๊งสร้างโรงต่อเรือ มีเรือใบวิ่งกรุงเทพ-ระยอง และวิ่งสงขลา-กรุงเทพ
แม่เล่าให้ฟังว่าเขาใช้เรือใบไปส่งสินค้าถึงสงขลา บางครั้งก็ใช้เรือใบเอาของจากทางปากคลองตลาดกลับมาระยอง
เขาชอบมวย มีค่ายมวยเป็นของตัวเองด้วย อยู่หลังบ้าน “สมพงษ์ สมานฉันท์” ที่ดังๆก็เป็นเด็กในค่าย สมพงษ์เป็นคนปากน้ำ ลูกหลานยายเน้ยนี่แหละ
เขาเป็นนักมวยคนแรกของระยองที่เป็นแชมป์เวทีมาตรฐานด้วย
แม่ผมเล่าให้ฟังอีกหลายเรื่อง แต่ละเรื่องทำให้เห็นทั้งความเก่งและความฉลาดของก๋ง
ถ้าได้ความขยัน ความเก่ง ความฉลาดสักหนึ่งส่วนสี่ของก๋งก็คงจะดี
Comments