top of page

     

 

 

 

 

     ในปี พ.ศ. 2307 กองทัพของพระเจ้ามังระกษัตริย์ผู้ครองกรุงอังวะ ผู้ปรารถนาต้องการที่จะทำลายกรุงศรีอยุทยา ได้สั่งให้เคลื่อนพลทหารออกจากกรุงอังวะ โดยแบ่งทัพออกเป็น 2 ทางทัพทางเหนือเข้าทางเชียงใหม่ นำโดยแม่ทัพชื่อว่า “เนเมียวสีหบดี” และทัพทางใต้เข้าทางกุยบุรี (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) นำโดยแม่ทัพชื่อว่า “มังมหานรธา” ทั้ง 2 ทัพไล่ตีหัวเมืองต่างๆมุ่งหน้าสู่กรุงศรีอยุธยาเหมือนครีมหนีบ

     พระเจ้าเอกทัศน์กษัตริย์ผู้ครองกรุงศรีอยุธยา ณ ขณะนั้นทราบข่าวว่ากองทัพของกรุงอังวะบุกมาหวังจะเข้าตีกรุงศรีอยุทยา พระเจ้าเอกทัศน์จึงได้สั่งไพล่พลที่อยู่รอบ ๆ พระนครให้เข้ามาอยู่ภายในกำแพงทั้งหมด และให้เหล่าทหารคอยปกป้องกำแพงเมืองพระนคร ถึงแม้พระนครศรีอยุธยาจะมีกำแพงเมืองที่แข็งแรงและผืนน้ำท่วมทุ่งล้อมรอบเป็นป้อมปราการธรรมชาติแต่ด้วยกรุงศรีอยุธยาว่างศึกสงครามมานาน ประกอบกับกองทัพของกรุงอังวะไล่ตีหัวเมืองมาตามเส้นทางเดินทัพทั้ง 2 สาย ทำให้ไม่มีกำลังเสริมมาช่วยเหมือนศึกที่ผ่านมา กรุงศรีอยุธยาจึงต้องตั้งรับในกำแพงเมืองเพื่อรอน้ำเหนือหลากมาท่วมรอบพระนครในฤดูฝน และหวังว่ากองทัพอังวะก็จะถอยไปเองแต่ในครั้งนี้กองทัพของกรุงอังวะตั้งมั่นไม่ยอมถอยหวังยึดกรุงศรอยุธยาให้ได้ในครั้งนี้ ทัพอังวะได้เตรียมยุทธศาสตร์การรบมาเป็นอย่างดี เมื่อถึงหน้าน้ำหลาก ทัพอังวะย้ายค่ายไปตั้งบนดอนและต่อเรือรบจำนวนมากเพื่อเข้าทำการรบกับกรุงศรีอยุธยา

    เมื่อฤดูน้ำหลากผ่านไปกรุงศรีอยุธยาขาดเสบียงอย่างหนักคนภายในพระนครศรีอยุธยาเริ่มแตกระส่ำระสายบ้างก็ล้มตายพระขาดอาหาร บางก็หรือออกนอกกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยา ด้วยความที่ไม่คิดว่าทหารอังวะจะล้อมกรุงจนเลยฤดูน้ำหลาก จากนั้นกองทัพอังวะได้กระชับวงล้อมสุมไฟเผาฐานกำแพงจนกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยาจนกำแพงเมืองถล่มกองทัพอังวะบุกเข้าตีกรุงศรีอยุธยาได้ใน วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310 หลังจากปิดล้อมอยู่นานแรมปีซึ่งเป็นการปิดฉากกรุงศรีอยุธยาซึ่งราชธานีที่มีอายุยืนยาวกว่า 417 ปีลง

สงครามเสียกรุงครั้งที่ ๒

King Taksin the Great Knowledge Park

อุทยานการเรียนรู้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
bottom of page